วันพฤหัสบดีที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

โครงงาน เรื่อง สบู่แฟนซี (สีธรรมชาติ)

Health Education

โครงงาน  เรื่อง  สบู่แฟนซี (สีธรรมชาติ)






บทที่ 1
บทนำ
ที่มาและความสำคัญของโครงงาน
                   ในปัจจุบันเชื้อโรคจำนวนมากที่แพร่กระจายอยู่รอบตัวเรา ซึ่งนับว่าเป็นปัญหาที่ยากต่อการควบคุมหรือป้องกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคระบบทางเดินหายใจ และที่ถือเป็นปัญหาสาธารณสุขมากที่สุดในปัจจุบัน คือ ไข้หวัด 2009 ซึ่งนับวันเชื้อโรคเหล่านี้ทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ หากมีวิธีป้องกันตนเอง และครอบครัว ตลอดจนคนในชุมชนในเบื้องต้น ตามนโยบายของกระทรวงสาธารณสุขที่ว่า กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ’’ แล้วนั้น
          สบู่แฟนซี(สีธรรมชาติ)อาศัย กระบวนการความคิดริเริ่มสร้างสรรค์อย่างเป็นระบบ กระบวนการกลุ่มร่วมแรงร่วมใจกันระหว่าง นักเรียน กับครู สร้างนวัตกรรมเพื่อให้เหมาะสมกับบริบทของสภาพแวดล้อมในท้องถิ่นมีอยู่ คือ การสร้างสบู่แฟนซีที่หาวัสดุธรรมชาติ ในท้องถิ่นได้ง่าย และที่ไม่เพียงแค่ให้สีสันสวยงามดึงดูดความสนใจ มีกลิ่นหอม แต่ให้ประสิทธิภาพเท่าสบู่ทั่วไป มีส่วนผสมของสีธรรมชาติ ไม่มีสารเคมีเจือปน และสามารถนำไปอาบน้ำขัดผิวด้วยสรรพคุณของส่วนผสมธรรมชาติที่ผสมอยู่ในสบู่ แฟนซีนั้น สามารถนำไปล้างมือด้วยกลิ่นหอมอ่อนๆในสบู่แฟนซีนี้ด้วย และยังสามารถทำเป็นของที่ระลึกได้ ด้วยรูปลักษณ์ที่น่ารัก สวยงาม
จุดมุ่งหมายของการศึกษาค้นคว้า
1.       เพื่อเพิ่มกลิ่นหอมจากธรรมชาติ และมีสีสันสวยงาม
2.       เพื่อศึกษาและสำรวจความคิดเห็นของผู้ใช้สบู่แฟนซี(สีธรรมชาติ) กลิ่นสีต่าง ๆ ว่ามีความพึงพอใจชนิดใดมากที่สุด
3.       เพื่อฝึกทักษะกระบวนการคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ สร้างสรรค์งานอย่างเป็นระบบ และส่งเสริมการมีส่วนร่วม ทั้งภายในและภายนอกสถานที่
ขอบเขตของการศึกษา
          1.  สมุนไพรที่หาได้ตามท้องถิ่น

ระยะเวลาในการศึกษา
                   คณะผู้จัดทำโครงงาน ใช้เวลาในการศึกษาค้นคว้าตั้งแต่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2554 ถึงวันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2554 ณ ห้องกลุ่มสาระสุขศึกษาและพละศึกษา โรงเรียนอำนาจเจริญและที่อยู่  304  ม. 4 ต.บุ่ง อ.เมือง  จ.อำนาจเจริญ  37000





บทที่  2
เอกสารที่เกี่ยวข้อง


น้ำ (water)




ใบเตย (pandan)




ดอกอัญชัน (pea)




ขมิ้นชัน (turmeric)



กากกาแฟ (coffee  grounds)



สบู่ (soap)





นมสด (fresh  milk)



น้ำมันมะกอก (olive  oil)












บทที่  3
วัสดุ อุปกรณ์ วิธีการดำเนินงาน


วัสดุ


อุปกรณ์
1.น้ำ
1.ที่ขูดมะพร้าว
2.ใบเตย
2.มีด
3.ขมิ้น
3.เขียง
4.อัญชัน
4.ถ้วย
5.กากกาแฟ
5.หม้อ
6.นมสด
6.พิมพ์
7.น้ำมะกอก
7.ไม้กวน

วิธีดำเนินงาน
1.       ขูดสบู่ก้อนให้เป็นฝอยเล็ก ๆ ใช้ที่ขูดมะพร้าวและใช้มีดในการช่วยขูด
2.       ใส่น้ำสะอาดหรือนมสดลงไป  ปริมาณแค่พอละลายสบู่ได้
3.       นำใบเตย ขมิ้น  อัญชัน  มาบดให้ละเอียดเพื่อที่จะนำไปผสมกับสบู่ที่เตรียมไว้
4.       นำส่วนผสมต่าง ๆ ผสมรวมกันโดยแยกชนิดของสมุนไพร ไว้ในแต่ละถ้วย
5.       คนให้ส่วนผสมทุดอย่างเข้ากันดี ให้เหลวประมาณครีมก็ใช้ได้
6.       เอาส่วนผสมใส่หม้อ  ตั้งไฟอ่อนๆ กวนจนส่วนผสมและสบู่เหลวเป็นน้ำ
7.       ทาน้ำมันมะกอกใส่พิมพ์ เพื่อเวลาแกะจะได้แกะได้สะดวก
8.       ตักส่วนผสมใส่พิมพ์
9.       พักให้สบู่แข็งตัว  แล้วแกะออกจากพิมพ์




บทที่ 4
ผลการดำเนินงาน

        สบู่แฟนซี (สีธรรมชาติ) ได้ใช้สารสกัดจากธรรมชาติซึ่งจะช่วยให้สบู่นั้นมีคุณสมบัติที่ดีมากขึ้น
สรุปได้ดังนี้
1.       ขมิ้นจะช่วยในการพลัดเซลล์ผิวเก่าให้ผิวดูขาวขึ้น
2.       ใบเตยจะช่วยในด้านการดับกลิ่นกาย
3.       ดอกอัญชันทำให้สบู่ดูมีสีสันมากขึ้น 
4.       กากกาแฟจะช่วยในการพลัดเซลล์ผิวเก่าดังเช่นขมิ้น
       


 บทที่ 5
สรุปและอภิปรายผลการดำเนินงาน

สรุปและอภิปรายผลการดำเนินงาน
1.  ขมิ้น  เมื่อสกัดด้วยน้ำเย็นได้สีเหลืองอ่อน  มีกลิ่นขมิ้น  ขมิ้นมีคุณสมบัติช่วยผลัดเซลล์ผิว
2.  ใบเตย  เมื่อสกัดด้วยน้ำเย็นจะได้ของเหลวสีเขียวอ่อน  มีกลิ่นหอมใบเตยเล็กน้อย  ใบเตยมีคุณสมบัติคือ  มีกลิ่นหอมเล็กน้อย  ช่วยในการดับกลิ่นตัวกลิ่นตัว
3.  ดอกอัญชัน  เมื่อสกัดด้วยน้ำเย็นจะได้ของเหลวสีน้ำเงินอ่อน  มีกลิ่นเฉพาะตัว  ดอกอัญชันมีคุณสมบัติคือ  มีสีสันที่สวยงาม
4.  กากกาแฟ  เมื่อสกัดด้วยน้ำเย็นจะได้ของเหลวสีดำ  มีกลิ่นฉุน  กากกาแฟมีคุณสมบัติคือ  ช่วยพลัดเซลล์ผิว
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
1.  ได้สบู่ที่มีสีสันสวยงามน่าใช้  เป็นสีจากธรรมชาติโดยตรง
2.  เพื่อให้ผิวได้ผลัดเซลล์ผิว  จากธรรมชาติให้ดูเรียบเนียน
3.  เพื่อใช้เป็นของที่ระลึกในโอกาสต่างๆได้
ข้อเสนอแนะ
1.  เนื่องจากสีที่ได้จากธรรมชาติอ่อนเกินไปจึงได้เพิ่มปริมาณของวัสดุธรรมชาติ








ผลิตภัณฑ์




วันเสาร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

วันวานเลนไทน์

วันวาเลนไทน์
14 กุมภาพันธ์

กุมภาพันธ์เป็นเดือนที่อบอวลไปด้วยความสุขการแสดงถึงความรัก ความห่วงใยถึงคนที่ เราปรารถนาดีและอยากให้เขามีความสุข และเป็นที่รับรู้กันทั่วโลกว่าวันที่ 14 กุมภาพันธ์ เป็นวันแห่งความรักหรือ Valentine’s Day และวันนี้ยังมีคิวปิด หรือกามเทพ ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของ วันวาเลนไทน์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุด คิวปิดเป็นบุตรของวีนัสและมาร์ส แต่ ชาวกรีกเรียกคิวปิดว่า อีรอส ภาพของ คิวปิดที่มนุษย์โลกปัจจุบันได้รู้จัก
ก็คือภาพเด็กน้อยที่ถือคันธนูและลูกศร มีหน้าที่ยิงศรรักให้ปักใจคน ปัจจุบัน คิวปิดและธนูของเขากลายมาเป็น เครื่องหมายแห่งความรักที่เป็นที่รู้จัก มากที่สุดะความรักของเขามีกล่าวถึงบ่อยในภาพของ การยิงศรรัก ระหว่าง หัวใจสองดวงให้รักกัน เรียกกันว่า ศรรักคิวปิด เราจึงมาเล่าสู่กันฟังเกี่ยว กับประวัติความเป็นมาและความสำคัญ ของวันนี้กันค่ะ
เทศกาลวาเลนไทน์ เริ่มมีขึ้น ตั้งแต่ยุคที่จักรวรรดิโรมันเรืองอำนาจ ในยุคนั้น วันที่ 14 กุมภาพันธ์ของทุกปี ถูกจัดให้เป็นวันหยุดเพื่อเป็นเกียรติแต่เทพเจ้าจูโนผู้เป็น จักรพรรดินีแห่งเทพเจ้าโรมัน นอกจาก นี้แล้วพระองค์ยังทรงเป็นเทพเจ้าแห่ง อิสตรีเพศและการแต่งงานและในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ เป็นวันเริ่มต้นเทศกาล เฉลิมฉลองแห่งลูเพอร์คาร์เลีย การ ดำเนินชีวิตของหนุ่มสาวจะ ถูกตัดขาดออกจากกันอย่างสิ้นเชิง ในรัชสมัยของ จักรพรรดิคลอดิอัส ที่ 2 (Emperor Claudius II) แห่ง กรุงโรม พระองค์ ทรงเป็นกษัตริย์ที่มี ใจคอดุร้ายและทรงนิยม การ ทำสงครามนองเลือด ได้ทรงตระหนักว่าเหตุที่ ชายหนุ่มส่วนมากไม่ประสงค์จะเข้าร่วม ในกองทัพเนื่องจากไม่อยากจากคู่รัก และครอบครัวไป จึงทรงมีพระราชโอง การสั่งห้ามมิให้มีการจัดพิธีหมั้นและ แต่งงานกันในโรมโดยเด็ดขาด ทำให้ ประชาชนทุกข์ใจเป็นอย่างยิ่ง และขณะนั้น มีนักบุญรูปหนึ่งนามว่า เซนต์วาเลนไทน์ หรือวาเลนตินัส ซึ่งอาศัยอยู่ในโรมได้ ร่วมมือกับเซนต์มาริอัสจัดพิธีแต่งงานให้กับ ชาวคริสต์หลายคู่ และด้วยความปรารถนา ดีนี้เองจึงทำให้วาเลนไทน์ถูกจับและระ หว่างนี้ก็ยังคงส่งคำอวยพรวาเลนไทน์ ของเขาเองขณะที่เขาเป็นนักโทษ เป็น ความเชื่อว่าวาเลนไทน์ได้ตกหลุมรักหญิง สาวที่เป็นลูกสาวของผู้คุมที่ชื่อจูเลีย ซึ่งได้มาเยี่ยมเขาระหว่างที่ถูกคุมขัง ในคืนก่อนที่วาเลนไทน์จะสิ้นชีวิตโดยการถูกตัดศีรษะ เขาได้ส่งจดหมายฉบับ สุดท้ายถึงจูเลีย โดยลงท้ายว่า “From Your Valentine” 
วันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 270 หลังจากนั้นศพของเขาได้ถูก เก็บไว้ที่โบสถ์ พราซีเดส (Praxedes) ณ กรุงโรม จูเลียได้ปลูกต้นอามันต์ หรืออัลมอลต์สีชมพู ไว้ใกล้หลุม ศพของวาเลนตินัส แด่ผู้เป็น ที่รักของเธอ โดยในทุกวันนี้ ต้นอามันต์สีชมพูได้เป็นตัวแทน แห่งรักนิรันดรและมิตรภาพ อันสวยงาม และคำนี้ก็เป็นคำที่ใช้มา จนถึงปัจจุบัน ถึงแม้ว่าเบื้อง หลังความเป็นจริงของวาเลนไทน์จะ เป็นตำนานที่มืดมัว แต่เรื่องราวยังคง แสดงให้เห็นถึงความรู้สึกสงสาร ความ กล้าหาญและที่สำคัญที่สุดเป็นเครื่องหมายของความโรแมนติค จึงไม่น่าประหลาดใจ เลยว่าในช่วงยุคกลางวาเลนไทน์เป็นนักบุญ ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในอังกฤษและฝรั่งเศส ต่อมาพระในนิกายโรมันคาทอลิกจึงเลือกให้ วันที่ 14 กุมภาพันธ์ เป็นวันเฉลิมฉลอง เทศกาลแห่งความรักและดูเหมือนว่ายัง คงเป็นธรรมเนียมที่ชายหนุ่มจะเลือก หญิงสาวที่ตนเองพึงใจในวันวาเลนไทน์ สืบต่อกันมาจนถึงทุกวันนี้

วันพฤหัสบดีที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2555

แนะนำตนเอง

แนะนำตนเอง


นายภควัต  อดทน

เลขที่ 52 ชั้น ม.3/2

โรงเรียนอำนาจเจริญ