Seicnce

รายวิชาวิทยาศาสตร์

ไฟฟ้ากระแส

1. ความสำคัญของไฟฟ้า
     ไฟฟ้าเป็นพลังงานชนิดหนึ่ง ที่มนุษย์นำมาใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง นอกจากจะให้แสงสว่างเวลาค่ำคืนแล้ว ยังให้ความร้อนในการหุงต้มและรีดผ้า ใช้ในการหมุนมอเตอร์เช่น เครื่องดูดฝุ่น เครื่องปั่น และเครื่องทำความเย็น ไฟฟ้าจึงมีความสำคัญและจำเป็นต่อการดำรงชีวิตของคนเรา
2. การเกิดไฟฟ้า
     ไฟฟ้าแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ
(1) ไฟฟ้าสถิต คือไฟฟ้าที่เกิดจากการขัดถูกันจากวัตถุ 2 ชนิด จนเกิดไฟฟ้าขึ้นชั่วคราว
(2) ไฟฟ้ากระแส คือไฟฟ้าจากการหมุนของขดลวดตัดกับสนามแม่เหล็กถาวรเป็นเวลานานจนเกิดเป็นกระแสไฟฟ้าขึ้น เราเรียกไฟฟ้าแบบนี้ว่า ไฟฟ้ากระแสสลับ
     มีไฟฟ้าอีกชนิดหนึ่งที่เกิดจากเซลล์ไฟฟ้า หรือเรียกอีกอย่างว่าแบตเตอรี่ ซึ่งเกิดจากการทำปฏิกิริยาของสารเคมีกับโลหะจนเกิดไฟฟ้ขึ้น เซลล์ไฟฟ้าอีกชนิดหนึ่งคือเซลล์ไฟฟ้าแห้งทำจากสารเคมีหลายชนิดบรรจุไว้ในก้อนเมื่อใช้งานจะเกิดกระแสไฟฟ้าขึ้น เช่นถ่านไฟฉาย เราเรียกไฟฟ้าชนิดนี้ว่าไฟฟ้ากระแสตรง
แหล่งกำเนิดไฟฟ้เกิดจาก
2.1 เกิดจากปฏิกิริยาทางเคมี เช่น ไฟฟ้าจากถ่านไฟฉาย แบตเตอรี่รถยนตร์ภายในมีสารเคมีบรรจุอยุ่ทำให้เกิดปฏิกิริยาทางเคมีกับโลหะจนเกิดกระแสไฟฟ้าขึ้น
2.2 เกิดจากเครื่องกำเนิดไฟฟ้าหรือไดนาโม โดยอาศัยหลักการทำงานของขดลวดทองแดงเคลื่อนที่ตัดผ่านสนามแม่เหล็ก หรือแม่เหล็กเคลื่อนที่ในทองแดง
3.ที่มาของไฟฟ้ที่พวกเราใช้กัน
     ที่มาของไฟฟ้ามาจากเครื่องกำเนิดไฟฟ้าขนาดใหญ่ ทำหน้าที่ผลิดกระแสไฟฟ้า ส่วนใหญ่ใช้พลังจากแรงดันไอน้ำ และแรงดันน้ำในการผลิตกระแสไฟฟ้า กระแสไฟฟ้าจะถูกส่งมาตามสายไฟฟ้าที่เป็นโลหะ เข้าสู่บ้านเรือนเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ต่างๆ ส่วนประกอบของเครื่องกำเนิดไฟฟ้าคือไดนาโมที่ประกอบด้วยเหล็กทองแดง และแท่งแม่เหล็กและมีการเคลื่อนที่ในแนวตัดกันพลังงานที่ใช้ในการหมุนไดนาโมให้อุปกรภายในเคลื่อนที่ได้ คือแรงดันไอน้ำและแรงดันน้ำ
4.วงจรไฟฟ้า
     คือทางเดินของกระแสไฟฟ้า ที่เคลื่อนที่จากแหล่งกำเนิดไปยังอุปกรณ์หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆและเครื่อนที่กลับมายังแหล่งกำเนิดไฟฟ้าวงจรไฟฟ้าอย่างง่ายประกอบด้วย ถ่านไฟฉาย สายไฟและหลอดไฟฟ้าวงจรไฟฟ้ามี2ชนิดคือ
1).วงจรปิด หมายถึงวงจรไฟฟ้าที่มีกระแสไฟฟ้าเคลื่อนที่ครบวงจร ทำให้อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าทำงานได้เรียกว่า เปิดไฟ
2).วงจรเปิดหมายถึงวงจรไฟฟ้าที่ไม่มีกระแสไฟฟ้าเนื่องจากต่อไฟฟ้าไม่ครบวงจรเรียกว่าปิดไฟ
     การต่อวงจรไฟฟ้ากระแสตรงจะต่อสายไฟจากถ่านไฟฉายหรือแบตเตออรี่แห้งจากขั้วใดขั้วหนึ่งไปยังหลอดไฟและต่อกลับมาที่ถ่านไฟฉายอีกขั้วหนึ่งเพื่อให้กระแสไฟฟ้าไหลจากถ่านไปผ่านสายไฟและหลอดไฟจนครบวงจรเรียกว่า วงจรไฟฟ้าการต่อวงจรไฟฟ้ากระแสสลับจะต่อแบบเดียวกับวงจรไฟฟ้ากระแสตรงที่ต่างกันคือต้องต่อสายผ่านอุปกรอื่นๆเช่นสวิตช์หรือบาลาสเพื่อตัดต่อวงจรปรับไฟให้เหมาะสม
ไฟฟ้าลัดวงจร
     เกิดขึ้นเพราะความผิดปกติของวงจรไฟฟ้าการต่อชนวนทั่วไปจะต้องมีชนวนหุ้มสายไฟหากไฟรั่วหรือสัมผัสกันจะทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจรขึ้นโดยกระแสไฟจะไม่ไหลผ่านหลอด แต่ไหลสุ่แหล่งกำเนิดไฟฟ้าหรือเซลล์ไฟฟ้าก่อนทำให้หลอดไฟไม่ติด และทำให้สายไฟร้อนขึ้นจนอาจเกิดไฟไหม้ได้หรือเรียกกันว่า ไฟฟ้าช็อต
5.วัตถุที่ยอมให้ไฟฟ้าเคลื่อนที่ผ่าน
     วัตถุที่ยอมให้ไฟฟ้าผ่านได้เรียกกันว่าตัวนำไฟฟ้า เช่นทองแดงเงินเหล็กสังกะสีและอลูมิเนียมและวัตถุที่ไฟฟ้าเคลื่อนที่ผ่านไม่ได้เรียกว่า ฉนวนไฟฟ้า เช่น ผ้า พลาสติก ยาง ไม้ กระดาษ กระเบื้งเป็นต้น






โครงงานวิทยาศาสตร์

สารเร่ง รากกาแฟ


บทที่ 1
บทนำ
ที่มาและความสำคัญ
จากการที่ สมาชิกกลุ่มได้พบเห็นชาวบ้าน นำเมล็ดกาแฟที่ทางโรงสีคัดเกรดทิ้ง มาไว้ที่โคนต้นไม้ จึงได้สอบถามชาวบ้านในละแวกน้ัน พบว่าในการนำเมล็ดกาแฟมาไว้ที่โคนต้นไม้น้ันจะทำให้ต้นไม้งอกรากเร็ว ทางกลุ่มจึงคิดว่าในเมล็ดกาแฟ น่าจะมีองค์ประกอบบางอย่างที่ช่วยในการกระตุ้นการงอกรากของพืช เพื่อพิสูจน์คำบอกเล่าของชาวบ้านในละแวกน้ันและเพื่อหาคำตอบให้กับตัวเอง รวมท้ังที่จะแสวงหาแนวทางในการนำไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อไป
ทางกลุ่ม จึงได้จัดทำโครงงานเรื่องนี้ขึ้น

ขั้นตอนการดำเนินการ
1. ศึกษาความสามารถในการเร่งรากของพืชที่ออกฤทธ์ิในการกระตุ้น
2. ศึกษาความสามารถของกาแฟในการเร่งรากพืช
3. ศึกษาความสามารถในการเร่งรากจากส่วนต่าง ๆ ของกาแฟ
4. ศึกษาอัตราส่วนที่เหมาะสมของสารสกัดจากเมล็ดกาแฟในการเร่งความยาวของรากพืช
5. ศึกษาระยะเวลาที่ใช้ในการแช่สารสกัดจากเมล็ดกาแฟที่เหมาะสมในการเร่งความยาว ของรากพืช
6. ศึกษาเปรียบเทียบความสามารถในการเร่งรากระหว่างกาแฟที่ยังไม่ได้ผ่านการแปร รูปและกาแฟสำเร็จรูป
7. ศึกษาเปรียบเทียบความสมารถในการเร่งรากระหว่างกาแฟและสารเร่งราก
8. ศึกษาเปรียบเทียบความสามารถในการกระตุ้นรากระหว่างกาแฟที่มีคาเฟอีนและไม่มี คาเฟอีน
9. ศึกษาเปรียบเทียบความสามารถของเมล็ดกาแฟในการกระตุ้นรากของกิ่งตอนและการ เจริญเติบโต

จุดมุ่งหมาย
1. เพื่อแสวงหาคำตอบที่สงสัยโดยใช้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
2. เพื่อนำทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่ในท้องถิ่นมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
3. เพื่อเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรให้มากและรวดเร็วยิ่งขึ้นรวมท้ังลดต้นทุนของ เกษตรกร

สมมติฐาน
ถ้าคาเฟอีนมีผลต่อการกระตุ้นรากของพืชดังน้ัน กาแฟที่มีคาเฟอีนจะสามารถกระตุ้นให้รากพืชงอกได้เร็ว มีปริมาณรากมากและมีผลทำให้พืชเจริญเติบโตได้เร็ว

นิยามเชิงปฏิบัติการ
การเร่งรากหมายถึง
- รากงอกได้เร็ว
- มีปริมาณรากมาก
- มีความยาวรากมาก


บทที่ 2
เอกสารที่เกี่ยวข้อง

กาแฟ
กาแฟ (Coffee) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Coffee sp. จัดเป็นไม้พุ่มขนาดกลาง มีต้นสูงประมาณ 3 – 5 เมตรกาแฟประกอบด้วยคาเฟอีนประมาณร้อยละ 1.5 – 2.5 นอกจากน้ันเป็นไขมันและสารอินทรีย์ กาแฟ 1 ถ้วยมีคาเฟอีนประมาณ 0.10 – 0.15 กรัม มีไนอะซิน 1 มิลลิกรัม และมีไทอามินและโรโมเพลวินเล็กน้อยเมล็ดกาแฟเป็นส่วนที่อยู่ในกะลาซึ่งห่อ หุ้นด้วยเยื่อบาง ๆ อีกช้ันหนึ่ง ส่วนเนื้อกาแฟที่ห่อหุ้มกะลาเมื่อสุกเต็มที่จะมีรสหวานเล็กน้อย ลักษณะเป็นยางเหนียว ๆ ผลกาแฟเมื่อสุกเต็มที่จะปอกเอาเปลือกและเนื้อทิ้ง นำเมล็ดท้ังกะลาไปตากแห้งจะเสียน้ำหนังไปประมาณ 7 เปอร์เซ็นต์ หรือพอที่จะกล่าวได้ว่า ผลกาแฟสดที่เก็บมาทำเป็นกาแฟแห้งจะสูญเสียน้ำหนักไปประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ โดยเฉพาะหากนำไปคั่วทำเป็นสารกาแฟที่ใช้รับประทานเป็นผลที่ใช้ชงรับประทาน ก็คงจะมีนื้อกาแฟแท้เพียงร้อยละ 13.60 ของน้ำหนักสดขณะที่เก็บมาจากต้นใหม่ ๆ



บทที่ 3
อุปกรณ์และวิธีการทดลอง


1. บีกเกอร์
2. นาฬิกาจับเวลา
3. มีด
4. ผ้าขาวบาง
5. แก้วพลาสติก
6. ถ้วยพลาสติกขนาดเล็ก
7. แท่งคนสาร
8. ตาชั่ง
9. ถุงพลาสติก
10. ขวดขนาด 2 ลิตร
11. ตะเกียงแอลกอฮอล์
12. ยางรัดของ
13. ไม้ขีด
14. ตะแกรง
15. ที่ก้ันลม
16. สก็อตเทป
17. กะละมังขนาดเล็ก
18. ฟิวเจอร์บอร์ด
19. ปากกา
20. กระดาษ
21. เชือกฟาง
22. ไม้บรรทัด
23. น้ำ
24. หลอดหยด
25. หัวหอม
26. เมล็ดกาแฟ
27. ใบกาแฟ
28. ใบชา
29. กากชา
30. กากกาแฟ
31. ใบชุมเห็ด
32. ใบพลู
33. ยาเส้น
34. ใบจาก
35. เมล็ดถั่วเขียว
36. เมล็ดข้าวโพด
37. เมล็ดข้าวเปลือก
38. เมล็ดผักบุ้ง
39. ต้นกระดุมทอง
40. ถังน้ำ
41. ขุยมะพร้าว
42. ครก
43. กระทะ
44. ตะหลิว
45. เตาแก๊ส
46. บัวรดน้ำ
47. อินดิเคเตอร์
48. สารเร่งราก
49. ต้นมะนาว
50. ดินเกษตร


การทดลองที่ 1 ศึกษาความสามารถในการเร่งรากของพืชที่ออกฤทธิ์ในการกระตุ้น
จุดประสงค์ เพื่อเปรียบเทียบความสามารถในการกระตุ้นของพืชที่ออกฤทธ์ิในการกระตุ้น
สมมติฐาน ถ้ากาแฟมีผลในการเร่งรากของพืชดังน้ันพืชที่ออกฤทธ์ิในการกระตุ้นประสาทเช่น เดียวกับกาแฟน่าจะมี
ผลในการกระตุ้นรากของพืชได้เช่นเดียวกับกาแฟ
ตัวแปรต้น สารสกัดจากกาแฟ ใบชา ใบชุมเห็ด ยาเส้น ใบจาก
ตัวแปรตาม การงอกของหัวหอม
ตัวแปรควบคุม ปริมาณความเข้มข้นของสารสกัดต่าง ๆ เวลาที่ใช้ในการแช่สารสกัดต่าง ๆ

วิธีการทดลอง
1. นำเมล็ดกาแฟมาคั่วและบดให้ละเอียด
2. นำเมล็ดกาแฟที่บดแล้ว 50 g มาละลายในน้ำ 200 cm3 แล้วกรองตะกอนออกด้วยผ้าขาวบาง
3. นำใบชุมเห็ด ใบยาเส้น ใบจาก และใบชาที่ตากแห้งและบดแล้วอย่างละ 50 g มาละลายในน้ำอย่างละ 200 cm3และกรองตะกอนออกด้วยผ้าขาวบาง
4. ใส่น้ำปริมาตร 2,500 cm3 ในกะละมังที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 32 เซนติเมตร จำนวน 6 ใบ32cm20cm
5. แล้วนำสารละลายจากข้อ 2. และ 3. และน้ำธรรมดาอย่างละ 150 cm3 มาผสมกับน้ำในกะละมังท้ัง 6 ใบตามลำดับ
6. นำแผ่นฟิวเจอร์บอร์ดขนาด 20 × 20 เซนติเมตร 6 อันมาเจาะรู จำนวน 5 รู ขนาด 2.5 × 2.5 เซนติเมตร
7. นำหัวหอมที่มีขนาดเท่ากัน 30 หัว มาใส่ในรูที่เจาะไว้ของแผ่นฟิวเจอร์บอร์ดท้ัง 6 แผ่น
8. นำแผ่นฟิวเจอร์บอร์ดที่มีหัวหอมอยู่แล้วท้ัง 6 แผ่น มาใส่ในกะละมังท้ัง 6 ใบ ซึ่งมีน้ำสารสกัดอยู่แล้ว
9. เมื่อเวลาผ่านไป 30 นาที เปลี่ยนน้ำสารสกัดที่มีอยู่ในกะละมังทุกใบเป็นน้ำธรรมดาโดยใช้น้ำปริมาตร 2,650 cm3
10. สังเกตรากของหัวหอมเป็นเวลา 1 สัปดาห์
11. ทำการทดลองซ้ำ 3 คร้ัง
12. บันทึกผลการทดลอง


วิธีการทดลอง
1. นำเมล็ดกาแฟมาคั่วและบดให้ละเอียด
2. นำเมล็ดกาแฟที่บดแล้ว 25 g มาละลายในน้ำ 100 cm3 แล้วกรองตะกอนออกด้วยผ้าขาวบาง
3. ใส่น้ำปริมาตร 150 cm3 ลงในแก้วพลาสติก 4 ใบ
4. นำน้ำกาแฟที่เตรียมไว้ 50 cm3 มาใส่ในแก้วพลาสติกซึ่งมีน้ำอยู่แล้วจำนวน 2 ใบ ใบละ 25 cm3
5. นำน้ำธรรมดา 50 cm3 มาใส่ในแก้วพลาสติกที่เหลืออีก 2 ใบ ซึ่งมีน้ำอยู่ก่อนแล้วใบละ 25 cm3
6. นำต้นตะไคร้ที่มีขนาดเท่ากัน 10 ต้น แบ่งเป็นชุด 2 ชุด ชุดละ 5 ต้นมาใส่ในแก้วพลาสติกที่มีน้ำธรรมดา 1 แก้วน้ำกาแฟ 1 แก้ว
7. นำต้นกระดุมทองที่มีขนาดเท่ากัน 10 ต้น แบ่งเป็น2 ชุด ชุดละ 5 ต้นมาใส่ในแก้วพลาสติกที่มีน้ำธรรมดา 1 แก้วน้ำกาแฟ 1 แก้ว
8. เมื่อเวลาผ่านไป 30 นาที เปลี่ยนน้ำสารสกัดที่มีอยู่ในแก้วพลาสติกทุกใบเป็นน้ำธรรมดาโดยใช้น้ำ ปริมาตร 175 cm3
9. สังเกตรากของต้นตะไคร้และต้นกระดุมทองเป็นเวลา 1 สัปดาห์
10. ทำการทดลองซ้ำ 3 คร้ัง
11. บันทึกผลการทดลอง


วิธีการทดลอง
1. นำเมล็ดกาแฟมาคั่วและบดให้ละเอียด
2. นำเมล็ดกาแฟที่บดแล้ว 50 g มาละลายในน้ำ 200 cm3 แล้วกรองตะกอนออกด้วยผ้าขาวบาง
3. ใส่น้ำปริมาตร 20 cm3 ลงในถ้วยพลาสติกขนาดเล็ก 6 ใบ
4. นำน้ำกาแฟที่เตรียมไว้ 45 cm3 มาใส่ในถ้วยพลาสติกขนาดเล็กซึ่งมีน้ำอยู่แล้วจำนวน 3 ใบ ใบละ 15 cm3
5. นำน้ำธรรมดา 45 cm3 มาใส่ในถ้วยพลาสติกที่เหลืออีก 3 ใบ ซึ่งมีน้ำอยู่ก่อนแล้วใบละ 15 cm3
6. นำเมล็ดข้าวเปลือกที่มีขนาดเท่ากัน 20 เมล็ด มาใส่ในถ้วยพลาสติกขนาดเล็กซึ่งมีที่มีน้ำกาแฟ 1 ใบและน้ำธรรมดา
1 ใบ ใบละ 10 เมล็ด
7. นำเมล็ดผักบุ้งที่มีขนาดเท่ากัน 20 เมล็ด มาใส่ในถ้วยพลาสติกขนาดเล็กซึ่งมีที่มีน้ำกาแฟ 1 ใบและน้ำธรรมดา
1 ใบ ใบละ 10 เมล็ด
8. นำเมล็ดถั่วเขียวที่มีขนาดเท่ากัน 20 เมล็ด มาใส่ในถ้วยพลาสติกขนาดเล็กซึ่งมีที่มีน้ำกาแฟ 1 ใบและน้ำธรรมดา
1 ใบ ใบละ 10 เมล็ด
9. เมื่อเวลาผ่านไป 30 นาที เปลี่ยนน้ำสารสกัดที่มีอยู่ในถ้วยพลาสติกขนาดเล็กทุกใบเป็นน้ำธรรมดาโดยใช้ น้ำ
ปริมาตร 35 cm3
10. สังเกตรากของเมล็ดข้าวเปลือก เมล็ดผักบุ้ง และเมล็ดถั่วเขียวเป็นเวลา 1 สัปดาห์
11. ทำการทดลองซ้ำ 3 คร้ัง
12. บันทึกผลการทดลอง
การทดลองที่ 2 ศึกษาความสามารถในการเร่งรากจากส่วนต่าง ๆ ของกาแฟ
จุดประสงค์ เพื่อศึกษาประสิทธิภาพในการกระตุ้นรากจากส่วนต่าง ๆ ของกาแฟ
สมมติฐาน ถ้าส่วนต่าง ๆ ของกาแฟมีสารในการกระตุ้นรากต่างกันดังน้ันเมื่อนำพืชไปแช่ในน้ำสารสกัดจาก ส่วน
ต่าง ๆของกาแฟพืชจุมีความยาวของรากไม่เท่ากัน
ตัวแปรต้น สารสกัดจากเมล็ดกาแฟ ใบกาแฟ ก้านใบกาแฟ และเปลือกหุ้มเมล็ดกาแฟ
ตัวแปรตาม การงอกของหัวหอม
ตัวแปรควบคุม ปริมาณความเข้มข้นของสารสกัดต่าง ๆ เวลาที่ใช้ในการแช่สารสกัดต่าง ๆ จากกาแฟ และสถานที่ที่ใช้
ในการทดลอง
วิธีการ ทดลอง
1. นำเมล็ดกาแฟมาคั่วและบดให้ละเอียด
2. นำเมล็ดกาแฟที่บดแล้ว 50 g มาละลายในน้ำ 200 cm3 แล้วกรองตะกอนออกด้วยผ้าขาวบาง
3. นำใบกาแฟ ก้านใบกาแฟ และเปลือกหุ้มเมล็ดกาแฟที่ตากแห้งและบดแล้วอย่างละ 50 g มาละลายในน้ำอย่างละ
200 cm3 และกรองตะกอนออกด้วยผ้าขาวบาง
4. ใส่น้ำปริมาตร 2,500 cm3 ในกะละมังที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 32 เซนติเมตร จำนวน 5 ใบ
32 cm20 cm
5. แล้วนำสารละลายจากข้อ 2. และ 3. และน้ำประปา อย่างละ 150 cm3 มาผสมกับน้ำในกะละมังท้ัง 5 ใบตามลำดับ
6. นำแผ่นฟิวเจอร์บอร์ดขนาด 20 × 20 เซนติเมตร 5 อันมาเจาะรู จำนวน 5 รู ขนาด 2.5 × 2.5 เซนติเมตร20 cm20 cm
7. นำหัวหอมที่มีขนาดเท่ากัน 25 หัว มาใส่ในรูที่เจาะไว้ของแผ่นฟิวเจอร์บอร์ดท้ัง 5 แผ่น
8. นำแผ่นฟิวเจอร์บอร์ดที่มีหัวหอมอยู่แล้วท้ัง 5 แผ่น มาใส่ในกะละมังท้ัง 5 ใบ ซึ่งมีน้ำสารสกัดอยู่แล้ว
9. เมื่อเวลาผ่านไป 30 นาที เปลี่ยนน้ำสารสกัดที่มีอยู่ในกะละมังทุกใบเป็นน้ำประปาโดยใช้น้ำปริมาตร 2,350 cm3
10. สังเกตรากของหัวหอมเป็นเวลา 1 สัปดาห์
11. ทำการทดลองซ้ำ 3 คร้ัง
12. บันทึกผลการทดลอง

การทดลองที่ 3 ศึกษาอัตราส่วนที่ใช้ในการเร่งความยาวของรากของหัวหอม
จุดประสงค์ เพื่อศึกษาอัตราส่วนต่าง ๆ ของกาแฟที่มีผลในการกระตุ้นรากของพืช
สมมติฐาน ถ้าอัตราส่วนของสารสกัดจากเมล็ดกาแฟมีผลต่อการกระตุ้นรากของพืชดังน้ันการหา อัตราส่วนของสาร
สกัดจากกาแฟที่แตกต่างกันจะส่งผลต่อการงอกราก ของพืชที่แตกตามกันด้วย
ตัวแปรต้น ความเข้มข้นของสารสกัดจากกาแฟ
ตัวแปรตาม การงอกของหัวหอม
ตัวแปรควบคุม เวลาที่ใช้ในการแช่สารสกัดต่าง ๆ และสถานที่ที่ใช้ในการทดลอง
วิธีการทดลอง

1. นำเมล็ดกาแฟมาคั่วและบดให้ละเอียด
2. นำเมล็ดกาแฟที่บดแล้ว 5 25 50 75 100 125 150 g มาละลายในน้ำ 200 cm3 แล้วกรองตะกอนออกด้วยผ้าขาวบาง
3. ใส่น้ำปริมาตร 2,500 cm3 ในกะละมังที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 32 เซนติเมตร จำนวน 8 ใบ
32 cm20 cm
4. แล้วนำสารละลายจากข้อ 2. และน้ำประปา อย่างละ 150 cm3 มาผสมกับน้ำในกะละมังท้ัง 8 ใบตามลำดับ
5. นำแผ่นฟิวเจอร์บอร์ดขนาด 20 × 20 เซนติเมตร 8 อันมาเจาะรู จำนวน 5 รู ขนาด 2.5 × 2.5 เซนติเมตร20 cm20 cm
6. นำหัวหอมที่มีขนาดเท่ากัน 40 หัว มาใส่ในรูที่เจาะไว้ของแผ่นฟิวเจอร์บอร์ดท้ัง 8 แผ่น
7. นำแผ่นฟิวเจอร์บอร์ดที่มีหัวหอมอยู่แล้วท้ัง 8 แผ่น มาใส่ในกะละมังท้ัง 8 ใบ ซึ่งมีน้ำสารสกัดอยู่แล้ว
8. เมื่อเวลาผ่านไป 30 นาที เปลี่ยนน้ำสารสกัดที่มีอยู่ในกะละมังทุกใบเป็นน้ำประปาโดยใช้น้ำปริมาตร 2,350 cm3
9. สังเกตรากของหัวหอมเป็นเวลา 1 สัปดาห์
10. ทำการทดลองซ้ำ 3 คร้ัง
11. บันทึกผลการทดลอง

การทดลองที่ 4 ศึกษาเวลาที่เหมาะสมในการเร่งความยาวของรากหัวหอม
จุดประสงค์ เพื่อศึกษาเวลาในการแช่สารที่มีผลต่อการงอกรากของพืช
สมมติฐาน ถ้าเวลาที่ใช้ในการแช่สารต่างกันจะมีผลต่อการงอกรากของพืช ดังน้ันหากใช้เวลาในการแช่สารที่แตกต่างกัน ความยาวของรากพืชที่นำมาทดลองก็จะแตกต่างกันด้วย

ตัวแปรต้น เวลาที่ใช้ในการแช่สาร
ตัวแปรตาม การงอกของหัวหอม
ตัวแปรควบคุม ปริมาณความเข้มข้นของสารสกัดจากกาแฟและสถานที่ที่ใช้ในการทดลอง

วิธีการทดลอง
1. นำเมล็ดกาแฟมาคั่วและบดให้ละเอียด
2. นำเมล็ดกาแฟที่บดแล้ว 50 g มาละลายในน้ำ 200 cm3 แล้วกรองตะกอนออกด้วยผ้าขาวบาง
3. ใส่น้ำปริมาตร 2,500 cm3 ในกะละมังที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 32 เซนติเมตร จำนวน 8 ใบ
32 cm20 cm
4. แล้วนำสารละลายจากข้อ 2. และ 3. อย่างละ 150 cm3 มาผสมกับน้ำในกะละมังท้ัง 8 ใบตามลำดับ
5. นำแผ่นฟิวเจอร์บอร์ดขนาด 20 × 20 เซนติเมตร 8 อันมาเจาะรู จำนวน 5 รู ขนาด 2.5 × 2.5 เซนติเมตร20 cm20 cm
6. นำหัวหอมที่มีขนาดเท่ากัน 40 หัว มาใส่ในรูที่เจาะไว้ของแผ่นฟิวเจอร์บอร์ดท้ัง 8 แผ่น
7. นำแผ่นฟิวเจอร์บอร์ดที่มีหัวหอมอยู่แล้วท้ัง 8 แผ่น มาใส่ในกะละมังท้ัง 8 ใบ ซึ่งมีน้ำสารสกัดอยู่แล้ว
8. เมื่อเวลาผ่านไป 10,30,45,60 นาที 1,2,3 วัน เปลี่ยนน้ำสารสกัดที่มีอยู่ในกะละมังทุกใบเป็นน้ำธรรมดาโดยเมื่อเวลาผ่านไป 10 นาที ก็เปลี่ยนน้ำในกะละมังที่ 1 และ 30 นาที ก็เปลี่ยนน้ำในกะละมังที่ 2 และ 45,60 นาทีก็เปลี่ยนน้ำในกะละมังตามลำดับ ใช้น้ำปริมาตร 2,650 cm3
9. สังเกตรากของหัวหอมเป็นเวลา 1 สัปดาห์
10. ทำการทดลองซ้ำ 3 คร้ัง
11. บันทึกผลการทดลอง

การทดลองที่ 5 ศึกษาเปรียบเทียบความสามารถในการเร่งรากระหว่างกาแฟกับสารเร่งราก
จุดประสงค์ เพื่อศึกษาความสามารถของสารสกัดจากเมล็ดกาแฟในการช่วยกระตุ้นการงอกรากของ พืช
สมมติฐาน ถ้ากาแฟสามารถกระตุ้นการงอกรากของพืชได้ดีกว่าสารเร่งราก ดังน้ันพืชที่ได้รับสารเร่งรากจากกาแฟจะงอกรากได้ดีกว่าพืชที่ได้รับสารจาก สารเร่งราก

ตัวแปรต้น สารสกัดจากเมล็ดกาแฟ สารเร่งราก
ตัวแปรตาม การงอกของหัวหอม
ตัวแปรควบคุม ปริมาณความเข้มข้นของสารสกัดจากกาแฟ เวลาที่ใช้ในการแช่สารสกัดเมล็ดกาแฟและสถานที่ที่ใช้ใน

การทดลอง
วิธีการทดลอง
1. นำเมล็ดกาแฟมาคั่วและบดให้ละเอียด
2. นำเมล็ดกาแฟที่บดแล้ว 50 g มาละลายในน้ำ 200 cm3 แล้วกรองตะกอนออกด้วยผ้าขาวบาง
3. นำสารเร่งราก 50 cm3 มาละลายในน้ำ 200 cm3
4. ใส่น้ำปริมาตร 2,500 cm3 ในกะละมังที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 32 เซนติเมตร จำนวน 2 ใบ
32 cm20 cm
5. แล้วนำสารละลายจากข้อ 2. และ 3. อย่างละ 150 cm3 มาผสมกับน้ำในกะละมังท้ัง 2 ใบตามลำดับ
6. นำแผ่นฟิวเจอร์บอร์ดขนาด 20 × 20 เซนติเมตร 2 อันมาเจาะรู จำนวน 5 รู ขนาด 2.5 × 2.5 เซนติเมตร20 cm20 cm
7. นำหัวหอมที่มีขนาดเท่ากัน 10 หัว มาใส่ในรูที่เจาะไว้ของแผ่นฟิวเจอร์บอร์ดท้ัง 2 แผ่น
8. นำแผ่นฟิวเจอร์บอร์ดที่มีหัวหอมอยู่แล้วท้ัง 2 แผ่น มาใส่ในกะละมังท้ัง 2 ใบ ซึ่งมีน้ำสารสกัดอยู่แล้ว
9. เมื่อเวลาผ่านไป 30 นาที เปลี่ยนน้ำสารสกัดที่มีอยู่ในกะละมังทุกใบเป็นน้ำธรรมดาโดยใช้น้ำปริมาตร 2,650 cm3
10. สังเกตรากของหัวหอมเป็นเวลา 1 สัปดาห์
11. ทำการทดลองซ้ำ 3 คร้ัง
12. บันทึกผลการทดลอง

การทดลองที่ 6 ศึกษาเปรียบเทียบความสามารถในการกระตุ้นรากของกาแฟชนิดต่าง ๆ
จุดประสงค์ เพื่อทดสอบว่าคาเฟอีนในกาแฟมีส่วนช่วยในการงอกรากของพืช
สมมติฐาน ถ้าคาเฟอีนมีผลต่าการงอกรากของพืชดังน้ันกาแฟที่มีคาเฟอีนมากกว่าจะมีผลต่อ การงอกของรากพืชได้ดีกว่า

ตัวแปรต้น สารสกัดจากเมล็ดกาแฟที่มีคาเฟอีน กาแฟที่ไม่มีคาเฟอีน และเมล็ดกาแฟที่ยังไม่ได้แปรรูป
ตัวแปรตาม 1. จำนวนราก
2. ความยาวราก
ตัวแปรควบคุม ปริมาณความเข้มข้นของสารสกัด เวลาที่ใช้ในการแช่สารสกัดและสถานที่ที่ใช้ในการทดลอง

วิธีการทดลอง
1. นำเมล็ดกาแฟที่มีคาเฟอีน กาแฟที่ไม่มีคาเฟอีนและกาแฟที่ยังไม่ได้แปรรูปอย่างละ 50 g มาละลายในน้ำ อย่างละ
200 cm3 แล้วกรองตะกอนออกด้วยผ้าขาวบาง
2. ใส่น้ำปริมาตร 2,500 cm3 ในกะละมังที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 32 เซนติเมตร จำนวน 4 ใบ
32 cm20 cm
3. แล้วนำสารละลายจากข้อ 1. อย่างละ 150 cm3 มาผสมกับน้ำในกะละมังท้ัง 4 ใบตามลำดับ
4. นำแผ่นฟิวเจอร์บอร์ดขนาด 20 × 20 เซนติเมตร 4 อันมาเจาะรู จำนวน 5 รู ขนาด 2.5 × 2.5 เซนติเมตร20 cm20 cm
5. นำหัวหอมที่มีขนาดเท่ากัน 20 หัว มาใส่ในรูที่เจาะไว้ของแผ่นฟิวเจอร์บอร์ดท้ัง 4 แผ่น
6. นำแผ่นฟิวเจอร์บอร์ดที่มีหัวหอมอยู่แล้วท้ัง 4 แผ่น มาใส่ในกะละมังท้ัง 4 ใบ ซึ่งมีน้ำสารสกัดอยู่แล้ว
7. เมื่อเวลาผ่านไป 30 นาที เปลี่ยนน้ำสารสกัดที่มีอยู่ในกะละมังทุกใบเป็นน้ำธรรมดาโดยใช้น้ำปริมาตร 2,650 cm3
8. สังเกตรากของหัวหอมเป็นเวลา 1 สัปดาห์
9. ทำการทดลองซ้ำ 3 คร้ัง
10. บันทึกผลการทดลอง

การทดลองที่ 7 ศึกษาประสิทธิภาพของกาแฟต่อการเจริญเติบโตของพืช
จุดประสงค์ เพื่อศึกษาความสามารถของกาแฟต่อการเจริญเติบโตของพืช
สมมติฐาน ถ้าปริมาณรากของพืชมีผลต่อการเจริญเติบโตของพืช ดังน้ันพืชที่แช่ในน้ำสารสกัดจากกาแฟจะสามารถเจริญเติบโตได้เร็วกว่าปกติ

ตัวแปรต้น สารสกัดจากเมล็ดกาแฟ
ตัวแปรตาม 1. การเจริญเติบโตของ ต้นตะไคร้
2. การงอกของรากตะไคร้ หัวหอม กิ่งตอน
ตัวแปรควบคุม ปริมาณความเข้มข้นของสารสกัดจากเมล็ดกาแฟ เวลาที่ใช้ในการแช่สารสกัดเมล็ดกาแฟและสถานที่ที่ใช้
ในการทดลอง ชนิดของพืช อุณหภูมิขณะทดลอง

วิธีการทดลอง
ศึกษาการงอกของหัวหอม
1. นำเมล็ดกาแฟมาคั่วและบดให้ละเอียด
2. นำเมล็ดกาแฟที่บดแล้ว 50 g มาละลายในน้ำปริมาตร 200 cm3 แล้วกรองตะกอนออกด้วยผ้าขาวบาง
3. นำหัวหอมที่มีขนาดเท่ากัน 20 หัว มาแช่ในน้ำสารสกัดจากกาแฟ 10 หัว แช่ในน้ำประปา 10 หัว
4. เมื่อเวลาผ่านไป 30 นาที นำหัวหอมที่แช่ในน้ำสารสกัดจากกาแฟและที่แช่ในน้ำประปาไปปลูกในดินวิทยา ศาสตร์
5. สังเกตการเจริญเติบโตของหัวหอมเป็นเวลา 1 สัปดาห์ทำการทดลองซ้ำ 3 คร้ัง หาค่าเฉลี่ย
ศึกษาการงอก ของต้นตะไคร้
1. นำเมล็ดกาแฟมาคั่วและบดให้ละเอียด
2. นำเมล็ดกาแฟที่บดแล้ว 50 g มาละลายในน้ำปริมาตร 200 cm3 แล้วกรองตะกอนออกด้วยผ้าขาวบาง
3. นำต้นตะไคร้ที่มีขนาดเท่ากัน 20 ต้น มาแช่ในน้ำสารสกัดจากกาแฟ 10 ต้น แช่ในน้ำประปา 10 ต้น
4. เมื่อเวลาผ่านไป 30 นาที นำต้นตะไคร้ที่แช่ในน้ำสารสกัดจากกาแฟและที่แช่ในน้ำประปาไปปลูกในดินวิทยา ศาสตร์
5. สังเกตการเจริญเติบโตของหัวหอมเป็นเวลา 1 สัปดาห์
6. ทำการทดลองซ้ำ 3 คร้ัง
7. บันทึกผลการทดลอง
13
ศึกษาการงอกของกิ่งตอน
1. นำเมล็ดกาแฟมาคั่วและบดให้ละเอียด
2. นำกิ่งมะนาวที่ปราศจากโรค และแมลง มีความแก่อ่อน เท่ากันจำนวน 16 กิ่ง
3. ควั่นกิ่ง เอาเปลือกออก แล้วขูดเยื่อเจริญออกให้หมด
4. นำกิ่งมะนาวชุดที่ 1 จำนวน 4 กิ่ง มาพอกด้วยดินเกษตร 100 % 250 g นำถุงพลาสติก ขนาด 15 × 7 cm มาหุ้ม
และผูกด้วยเชือกฟางท้ังด้านบน และด้านล่าง
5. นำสารเร่งรากมาทาบริเวณรอยควั่นของกิ่งมะนาว ชุดที่ 2 จำนวน 4 กิ่ง และทำการทดลองเหมือนข้อ 4.
6. นำกิ่งมะนาว ชุดที่ 3 จำนวน 4 กิ่งมาพอกด้วยดินเกษตรที่ผสมด้วยเปลือกกาแฟ 10 % และเมล็ดกาแฟ 10 % และ
ทากรทดล องเหมือนข้อ 4.
7. นำสารสกัดจากเมล็ดกาแฟมาทาบริเวณรอยควั่นของกิ่งตอน ชุดที่ 4 จำนวน 4 กิ่ง และทำการทดลองเหมือนข้อ 4.
8. สังเกตผลเป็นเวลา 30 วัน
9. ทำการทดลองซ้ำ 3 คร้ัง และหาค่าเฉลี่ย
10. บันทึกผลการทดลอง
14
บทที่ 4
ผลการทดลอง
การทดลอง ที่ 1 ศึกษาความสามารถในการเร่งรากของพืชที่ออกฤทธิ์ในการกระตุ้น
ผลการทดลอง
ตารางแสดง ความยาวและจำนวนรากของหัวหอมใน 1 สัปดาห์
ชนิดของ

การทดลองที่ 4 ศึกษาเวลาที่เหมาะสมในการเร่งความยาวของรากหัวหอม
ผลการทดลอง
ตารางแสดง ความยาวและจำนวนรากของหัวหอมใน 1 สัปดาห์
เวลาที่ใช้ ใน
การแช่สาร
วันที่
1 2 3 4 5 6 7

ชุดควบคุม 1.8 9 3.6 9 4.5 10 8 11 11 11 12 11 13 11
10 นาที 1.5 7 2 8 2.4 9 3 10 8 10 10 10 11 10
30 นาที 2.3 15 6 16 10 17 13 18 18 18 20 18 24 18
45 นาที 2 12 5 13 12 13 15 12 18 15 20 15 23 15
60 นาที 1.9 10 4.9 11 7 12 13 12 15 12 16 13 18 13
1 วัน - - - - - - - - - - - - - -
2 วัน - - - - - - - - - - - - - -
3 วัน - - - - - - - - - - - - - -


อภิปรายผลการทดลอง
จากการทดลองเมื่อนำหัวหอมแช่ในน้ำสารสกัดจาก กาแฟในปริมาณความเข้มข้น 50 : 200 คือใช้กาแฟ 50 gต่อน้ำปริมาตร 200 cm3 ในเวลาที่แตกต่างกันรวมท้ังสังเกตผลเป็นเวลา 1 สัปดาห์ พบว่ารากของหัวหอมที่แช่ในน้ำสารสกัดจากเมล็ดกาแฟเป็นเวลา 30 นาที มีความยาวและจำนวนของรากมากที่สุด รองลงมาคือเวลา 45 นาที และ 60นาที ตามลำดับ

สรุปผลการทดลอง
จากการทดลองพบว่าเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการ แช่น้ำสารสกัดจากกาแฟคือเวลา 30 นาที สามารถกระตุ้นการ
งอกรากของ หัวหอมได้ดีที่สุดสามารถทำให้หัวหอมงอกรากได้เร็วและมีความยาวของรากมากที่ สุดรวมท้ังจำนวนรากจะ
มากที่สุดด้วย

การทดลองที่ 5 ศึกษาเปรียบเทียบความสามารถในการเร่งรากระหว่างกาแฟกับสารเร่งราก
ผลการทดลอง
ตารางแสดง ความยาวและจำนวนรากของหัวหอมใน 1 สัปดาห์
ชนิดของ
สาร
วันที่
1 2 3 4 5 6 7
ก ข ก ข ก ข ก ข ก ข ก ข ก ข
นํ้า 1.5 9 3 10 7 11 9 12 12 12 14 12 15 12
กาแฟ 2 1.5 5 16 12 17 15 18 18 18 20 18 23 18
สารเร่งราก 1.8 12 3.5 13 10 14 12 15 15 16 17 16 19 16
อภิปรายผล การทดลอง
จากการทดลองเมื่อนำหัวหอมแช่ในน้ำสารสกัดจาก กาแฟและสารเร่งรากรวมท้ังสังเกตผลเป็นเวลา 1 สัปดาห์
พบว่ารากของ หัวหอมที่แช่ในน้ำสารสกัดจากกาแฟ มีความยาวและจำนวนของรากมากที่สุด
สรุปผลการ ทดลอง
จากการทดลองพบว่าสารสกัดจากเมล็ดกาแฟ สามารถกระตุ้นการงอกรากของหัวหอมได้ดีกว่าสารเร่งราก
สามารถทำให้ หัวหอมงอกรากได้เร็วและมีความยาวของรากมากที่สุดรวมท้ังจำนวนรากจะมากที่สุด ด้วย

การทดลองที่ 6 ศึกษาเปรียบเทียบความสามารถในการกระตุ้นรากของกาแฟชนิดต่าง ๆ
ผลการทดลอง
ตารางแสดง ความยาวและจำนวนรากของหัวหอมใน 1 สัปดาห์
ชนิดของ
สาร


บทที่ 5
อภิปรายและสรุปผลการทดลอง
จากการทดลอง เพื่อตรวจสอบภูมิปัญญาท้องถิ่น ในเรื่องการนำเมล็ดกาแฟมาใส่ที่โคนต้นไม้แล้วทำให้ต้นไม้เจริญเติบโต พบวาเมล็ดกาแฟสามารถทำให้พืชเจริญเติบโตได้จริงตามความเชื่อคือเมล็ดกาแฟใน อัตราส่วนระหว่างเมล็ดกาแฟแหฟ้ งต่อน้ำ 50 : 200 จะสามารถกระตุ้นการงอกรากของเมล็ดพืชได้ดีโดยนำเมล็ดพืชและกิ่งปักชำไปแช่ใน สารสกัดของกาแฟนาน 30 นาที พบว่ารากของเมล็ดข้าวเปลือก เมล็ดผักบุ้งและเมล็ดถั่วเขียวจะงอกราได้เร็วโดยเฉพาะเมล็ดข้าวใช้เวลาเพียง 2 – 3 วันก็สามารถกระตุ้นการงอกรากได้ มีขนาดรากยาว สำหรับกิ่งปักชำคือ กระดุมทอง หัวหอมต้นตะไคร้ จะมีรากงอกได้เร็วเช่นเดียวกัน มีปริมาณรากยาวกว่าที่ไม่ได้รับการกระตุ้น และมีน้ำหนักรากมาก มีผล
ต่อเนื่อง ทำให้พืชเจริญเติบโตได้เร็ว คือต้นตะไคร้ หัวหอม จะมีขนาดของใบที่แตกใหม่ยาวกว่าต้นหอมที่ไม่ได้ผ่านการแช่สารสกัด มีจำนวนใบมากกว่าพืชที่ไม่ได้กระตุ้นการงอกโดยแช่ในสารสกัดจากกาแฟและจากการ ทดลองพบว่าความสามารถในการกระตุ้นการงอกโดยแช่ในสารสกัดจากกาแฟและจากการ ทดลองพบว่าความสามารถในการกระตุ้นรากจากเมล็ดกาแฟแห้งที่ผลิตเองจะมีคุณภาพ ดีกว่ากาแฟสำเร็จรูปส่วนกาแฟที่สกัดคาเฟอีนออกจะไม่มีผลในการกระตุ้นการงอก ของรากด้วยน้ำเปล่า และเมื่อนำใบพืชชนิดต่าง ๆ ที่มีคาเฟอีนมาทดลองกระตุ้นราก พบว่ามีผลในการกระตุ้นดีกว่ากระตุ้นด้วยน้ำเปล่า ดังน้ันจากการทดลองจึงสรุปได้ว่า คาเฟอีนน่าจะมีผลต่อการกระตุ้นรากพืช ดังน้ันเมื่อนำกาแฟ
ที่มีคาเฟอีนมากระตุ้นรากจึงมีผลทำให้พืช เจริญเติบโตได้เร็วตามแนววิถีความเชื่อในภูมิปัญญาท้องถิ่น

จากการทดลองได้ข้อมูลดังนี้
1. กาแฟสามารถช่วยให้พืชงอกรากได้เร็วกว่าพืชที่ออกฤทธ์ิในการกระตุ้นชนิดอื่น ๆ
2. ส่วนที่เป็นเมล็ดของกาแฟมีประสิทธิภาพในการกระตุ้นการงอกรากของพืชกว่าใบ เปลือกหุ้มเมล็ดและก้าน
3. อัตราส่วนที่เหมาะสมในการกระตุ้นการงอกรากของพืชคือ ใช้เมล็ดกาแฟ 50 g ต่อน้ำ 200 cm3
4. เวลาที่เหมาะสมในการกระตุ้นรากพืชของเมล็ดกาแฟคือแช่เมล็ดพืชในกาแฟนาน 30 นาที
5. สารสกัดจากเมล็ดกาแฟสามารถกระตุ้นการงอกรากของพืชได้ดีกว่ากาแฟสำเร็จรูปและ สารเร่งรากจากสารเคมี
6. สารสกัดจากเมล็ดกาแฟที่ยังไม่ได้สกัดคาเฟอีนออกสามารถกระตุ้นการงอกรากของ พืชได้ดีกว่าสารสกัดจากกาแฟที่สกัดคาเฟอีนออกแล้ว
7. สารสกัดจากเมล็ดกาแฟสามารถกระตุ้นการงอกรากของกิ่งตอนได้ดีกว่าสารเร่งราก
8. สารสกัดจากเมล็ดกาแฟนอกจากจะกระตุ้นการงอกรากของพืชได้แล้วยังสามารถกระตุ้น การเจริญเติบโตของพืชได้อีกด้วย